เลี้ยงปลาไม่ใช่แค่เติมน้ำ! แล้วคุณเข้าใจระบบกรองดีพอรึยัง?
- Pathomphong Saekhow
- 6 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 11 พ.ค.

หลายคนเริ่มเลี้ยงปลาเพราะชอบความสวยงาม ความสงบ เพื่อเสริมฮวงจุ้ย แต่พอเลี้ยงไปไม่นาน กลับเจอปัญหาน้ำเขียว น้ำขุ่น ปลาป่วยตาย จากความสุขกลายเป็นความทุกข์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ก็ดูแลตามที่คนอื่นแนะนำ ใส่จุลินทรีย์ก็แล้ว ใส่หลอดUVก็แล้ว ก็ยังเหมือนเดิม
และสาเหตุหลักที่มักถูกมองข้ามคือ “ระบบกรอง” เพราะการเลี้ยงปลาที่ดี ไม่ใช่แค่เติมน้ำแล้วจบ แต่ต้องมี “การจัดการน้ำ” ที่ถูกต้อง เพื่อให้น้ำในบ่อใสและสะอาดตลอดเวลา ซึ่งหัวใจสำคัญนั้นก็คือ "ระบบกรอง"

เพราะมันคือหัวใจที่สำคัญของบ่อปลา ที่จะทำให้น้ำสะอาดอยู่เสมอ และช่วยให้ปลาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ลองคิดภาพตามดูครับ ถ้าคุณเลี้ยงปลาหลายตัวในบ่อเดียวกัน อาหารที่ใส่ลงไป ขี้ปลาปลา เศษใบไม้ หรือฝุ่นละอองในอากาศ ล้วนกลายเป็นของเสียที่ตกค้างในน้ำ ถ้าไม่มีอะไรช่วยจัดการ น้ำก็จะค่อย ๆ ขุ่น กลิ่นเหม็น และกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคในที่สุด

ระบบกรองจึงเป็นเหมือน “เครื่องฟอกน้ำ” ทำหน้าที่ดักจับของเสียไม่ให้หลุดเข้าไปในบ่อปลา แยกสิ่งสกปรกออกจากน้ำ และปัจจุบันมีระบบที่สามารถกรองและล้างตัวเองได้ที่เรียกกันว่า Drumfilter ซึ่งช่วยให้ลดภาระผู้เลี้ยงได้อย่างดี
โดยระบบกรองนั้นมีหลายส่วนสามารถแบ่งแยกได้ตามนี้
กรองหยาบ: ดักเศษตะกอนขนาดใหญ่ เช่น อาหาร ขี้ปลา ตะไคร่
กรองละเอียด: กรองฝุ่น สิ่งสกปรกขนาดเล็ก
กรองชีวภาพ: มีจุลินทรีย์ดี คอยย่อยของเสียจำพวกแอมโมเนีย
ยูวี (UV Filter): ช่วยฆ่าเชื้อโรค และลดตะไคร่น้ำในน้ำ
ถ้าระบบกรองดี น้ำจะใส ปลาจะสุขภาพดี และเราจะดูแลบ่อได้ง่ายกว่าหลายเท่า แต่ถ้าไม่มีระบบกรองเลย... น้ำจะเน่า ปลาเครียด และเราต้องทำความสะอาดบ่อบ่อยมาก
ครั้งหน้าเราจะมาพูดถึงกรองต่างๆว่ามีอะไรบ้างรวมถึงการใช้งานแต่ละแบบ
หากคุณกำลังจะสร้างบ่อปลา หรือกำลังเจอปัญหาน้ำไม่ใส ระบบกรองที่ถูกต้องอาจเป็นคำตอบที่คุณต้องการ สนใจปรึกษาหรืออยากให้แนะนำระบบกรองที่เหมาะกับบ่อของคุณ สามารถติดต่อเราได้เลยครับ




ความคิดเห็น